
—Chione—
คีห์โอนี
Fiery Witch
คีห์โอนี นามของผู้ดูแลตระกูลอฮาห์ริกในดินแดนปอมเปอี
แม่มดธาตุไฟผู้ซึ่งมีอุปนิสัยเหมือนเพลิงโหมกระหน่ำ
หากแต่มิใช่เพลิงที่มาพร้อมด้านสว่าง นางเป็นเพลิงที่มาพร้อมเงาทมิฬ
กลิ่นสาบสางของคำสาปและความตาย
แม่มดเชื้อชาติอียิปต์นางนี้ปรากฏตัว ณ ปอมเปอีเมื่อนานมาแล้ว
แต่ยังดำรงฐานะสมาชิกหน้าใหม่ของดินแดนทุกๆ หนึ่งชั่วอายุคน
มีคำอ้างคำเล่าลือหลายปากหลายความเห็นจากชาวบ้าน
บางคนก็ว่านางเป็นเพียงสตรีเร่ร่อนปฏิสัมพันธ์แย่จากแดนทะเลทราย
บ้างว่านางเป็นโสเภณีที่ครองรักอยู่กับโจรร่างใหญ่
บ้างว่านางเป็น 'แม่มด'
แต่คีห์โอนีไร้ซึ่งความสนใจต่อการแก้ไขความเข้าใจผิด
หรือถูกของชาวบ้านร้านตลาด พวกเขาไม่มีค่าพอสำหรับนาง
ปุถุชนแสนต่ำต้อยกับสองมือน้อย ๆ หยาบกร้านไร้ซึ่งพลังน่ะหรือ
ที่จะมีค่าต่อแม่มดผู้สูงส่ง เปี่ยมด้วยพลังแม้ปลายสุดของผมเส้นหนึ่ง
?
บนโต๊ะไม้ปิดทองในลานพักผ่อนกลางวิหารสีขาว กล่องกระดานเกมเซเนตสามสิบช่องทำจากไม้มะเกลืออย่างดีวางเอาไว้ พร้อมตัวเบี้ยรูปหลอดด้ายและกรวย ข้างๆ กันเป็นปากกาต้นกกกับกระดาษปาปิรุส บนนั้นจดชื่อของผู้เล่นเกมเซเนตกับผลแพ้ชนะในแต่ละตาด้วยอักษรเฮียราติกหวัดๆ
ผู้เดียวในวิหารที่มีองค์ความรู้มากพอจะเขียนหนังสือได้คือ คีห์โอนี เจ้าของวิหารแห่งนี้
นางช่างโปรดปรานเหลือเกินสำหรับการจดบันทึกสถิติชัยชนะของตนเอง แม้จะเป็นแค่ชัยชนะจากเกมกระดานเล็กจ้อยที่เล่นกับทาสรับใช้ฆ่าเวลาไปวันๆ เช่นนี้
แน่เสียยิ่งกว่าแน่ว่านางเป็นผู้กำชัยร่ำไป บนกระดาษปาปิรุสไม่มีคำว่า พ่ายแพ้ กำกับข้างชื่อนางเลยสักบรรทัด
กระดูกข้อนิ้วมนุษย์ทาสีเข้มไว้ด้านนึงทั้งสี่ชิ้นใช้แทนไม้เซเนตถูกทอยขึ้นในอากาศก่อนตกลงบนโต๊ะ ด้านที่ทาสีหงายขึ้นทั้งหมด เป็นตามกติกาว่าจะสามารถเดินเบี้ยได้ห้าก้าวในคราวเดียว นิ้วมือเรียวยกพาเบี้ยรูปหลอดด้ายเดินไปตกที่ช่องสลักลายรูปนกบาลงยาสามตัว
มันคือช่องลำดับที่ยี่สิบแปดกับเงื่อนไขในการทอยให้ได้สามแต้มเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าสู่เส้นชัยได้ และอีกหนึ่งกติกาพิเศษสำหรับผู้ที่ทอยด้านทาสีหงายทั้งหมด คือจะได้ทอยต่อเนื่องอีกหนึ่งครั้ง
คีห์โอนีจึงทอยอีก… และเป็นอย่างเช่นทุกคราว
กระดูกข้อนิ้วด้านที่ทาสีเป็นใจให้นางเสมอไม่ว่านางจะปรารถนาแต้มมากหรือน้อย
สามแต้มปรากฏอยู่ตรงหน้า ตัวเบี้ยรูปหลอดด้ายก้าวเข้าสู่เส้นชัยจนได้ ผู้ชนะคว้าปากกาต้นกกอย่างเร็ว จรดจารึกชัยชนะครั้งล่าสุดของตนลงไปข้างชื่อ ในขณะที่ตัวเบี้ยรูปกรวยของสาวใช้ผู้พ่ายแพ้ยังไม่สามารถหนีออกจากช่องลำดับที่สิบห้ารูปเครื่องรางอังค์ได้เลย
"อย่างที่ตกลงกันไว้ เจ้าเสียพนันต่อข้า" คีห์โอนีพูดขึ้นหลังชื่นชมคำว่า ชนะ ใหม่เอี่ยมข้างชื่อตนบนกระดาษปาปิรุสอยู่อึดใจหนึ่ง
สาวรับใช้ตัวสั่น เดิมทีไม่เคยนึกอยากลงเล่นเกมเซเนตกับผู้เป็นนาย ยิ่งไม่อยากเข้าไปใหญ่เมื่อนางเพิ่มการพนันขันต่อเข้ามาด้วยเช่นนี้
แม่มดอฮาห์ริกหัวเราะลงคอ กลิ่นเหงื่อไคลเย็นเฉียบที่กลั่นออกมาเพราะความหวาดกลัวของสาวใช้ฟุ้งอยู่ทั่วอณูอากาศอย่างน่าภิรมย์
"เทพคอห์นชูยังพนันแสงจันทร์ต่อเทพีนัตในเกมหนึ่งกระดาน ใช่ว่าข้าให้เจ้าลงพนันอยู่ฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่ ข้าเองก็พนันเช่นกัน และเมื่อเกมจบย่อมต้องมีฝ่ายหนึ่งเสีย น่าเศร้าจริง…ที่เป็นเจ้า"
คำเอ่ยเช่นนั้นสวนทางกับน้ำเสียงเยาะหยันและสายตาเปี่ยมสุข สาวใช้ก้มหน้า ปรารถนาให้ตัวเองถูกพื้นวิหารสูบหายลงไป
"เช่นนั้น…นายหญิงประสงค์สิ่งใดเจ้าคะ ข้าเป็นเพียงข้ารับใช้ต่ำต้อย มิอาจหาสิ่งล้ำค่าใดมาลงพนันต่อท่านผู้สูงศักดิ์ได้อย่างสมเกียรติเลยเจ้าค่ะ" สาวใช้เอ่ยอย่างเจียมตัว คาดหวังด้วยแรงใจเพียงน้อยนิดว่าความถ่อมตนจะมีคุณมากพอให้อีกฝ่ายเห็นใจแล้วยกพนันเสีย
แต่หล่อนรู้จักนายหญิงของตนเองดีพอๆ กับที่รู้จักว่าความเห็นใจเป็นคุณสมบัติแสนห่างไกลจากนาง การพนันในเกมเซเนตที่เล่นกับข้ารับใช้แต่ละครั้งไม่เคยมีจุดประสงค์เพื่อเพชรพลอย เบี้ยสินทรัพย์ หรือสิ่งของนอกกายอื่นใด
นางประสงค์เพียงความสิ้นหวัง ความทรมาน ความเจ็บปวด และอาจถึงขั้นประสงค์การสะบั้นเส้นใยแห่งชีวิตทุกเส้นที่ผู้พ่ายแพ้ยังมีเหลืออยู่
คีห์โอนียกยิ้มแสยะ ในการกระดิกนิ้วเพียงครั้ง ข้ารับใช้หญิงชราคนสนิทรีบปรี่เข้ามาเก็บตัวเบี้ยและกระดูกข้อนิ้วลงกล่อง จัดการให้โต๊ะปิดทองว่างโล่งแล้วกลับไปนั่งข้างตั่งนอนของผู้เป็นนาย ใช้มือแห้งกร้านบีบนวดเรียวขาให้อย่างรู้ใจ
"วางมือเจ้าลงบนโต๊ะสิ" นายหญิงว่า
สาวรับใช้ผู้แพ้พนันตัวสั่น น้ำตาปริ่มเอ่อตรงขอบตาเมื่อสำนึกดีว่านั่นไม่ใช่การแนะนำหรือชักจูง แต่เป็นคำสั่ง หล่อนจึงรีบวางมือสั่นเทาแนบโต๊ะไม้ปิดทองทันที
"นายหญิง…" หล่อนโอดครวญ แม้อีกฝ่ายจะไม่ทันเอ่ยประสงค์ แต่ความอำมหิตอันเป็นที่โจษจันทำให้อนุมานได้โดยง่าย
"กระดูกข้อนิ้วชุดเมื่อครู่เก่าแล้ว ข้าอยากเปลี่ยนใหม่"
สาวใช้แทบกรีดร้อง หล่อนชักมือกลับเข้าหาตัวตระคองกอดไว้ด้วยความหวงแหน
ท่าทีเช่นนั้นนับเป็นการขัดประสงค์ นัยน์ตาสีอำพันวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะที่เริ่มคุกรุ่น ดวงตาของสาวใช้คนอื่นอีกหลายคู่มองไปยังผู้พ่ายแพ้ในเกมกระดานอย่างเวทนา พร้อมกันนั้นก็แสดงความยินดีที่อย่างน้อยในหนนี้ ผู้เป็นนายประสงค์เพียงกระดูกข้อนิ้วเท่านั้น
พวกหล่อนยังจำเกมเซเนตกระดานก่อนหน้านี้ได้ดี มันเป็นวันที่แม่มดอฮาห์ริกนางนี้เลือกดื่มและกินเลือดเนื้อมนุษย์หนึ่งครั้งต่อเดือน สาวใช้ผู้พ่ายแพ้ในเกมกระดานคราวนั้นจึงถูกประสงค์ชีวิตเป็นค่าพนัน และแน่นอนว่าหล่อนจบลงที่กระเพาะผู้เป็นนาย
"ข้าต้องประสงค์กระดูกข้อนิ้วของเจ้า" คีห์โอนีเอ่ย น้ำเสียงแสดงชัดถึงการขู่เตือนว่าห้ามมีการขัดใจใดๆ เกิดขึ้น
ข้ารับใช้หญิงชราคนสนิทรับรู้ถึงคำสั่งแฝง หล่อนคลานเข่าห่างออกไปจากตั่งเล็กน้อยแล้วจึงค่อยลุกขึ้นเดินหายไปหลังม่านปักผ้าลินิน ในอึดใจเดียวก็โผล่หน้ากลับมาพร้อมมีดกริชดำในฝักหนังปักลาย
"นะ-- นายหญิง ได้โปรด" สาวใช้ที่กำลังจะต้องจ่ายพนันร้องปากสั่นเมื่อเห็นคีห์โอนีรับกริชมา หล่อนก้มกราบกรานไปที่พื้น วิงวอนต่อผู้เป็นนายดั่งนางเป็นเทพี "ได้โปรดเถิด หากท่านเอากระดูกนิ้วข้าไป ข้าจะรับใช้ท่านอย่างเต็มความสามารถได้อย่างไรเจ้าคะ"
คีห์โอนีเปลี่ยนท่าขยับขึ้นนั่งช้าๆ ค่อยเหยียดแผ่นหลังตรง ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย นางมองสาวใช้อย่างดูแคลนลอดแพขนตา
"จะเสียแค่กระดูกนิ้วหรืออยากเสียทั้งกระดูกแขนเล่า?" นางถามเสียงเย็น
สาวใช้ปล่อยโฮอย่างสุดจะกลั้น หล่อนหวาดกลัวต่อการใช้ชีวิตอย่างพิกลพิการ นายหญิงผู้ปรารถนากระดูกข้อนิ้วจะตัดมือหล่อนไปทั้งมือมิใช่ตัดออกเพียงนิ้ว ไม่ว่าจะอิดออดหรือยินยอมอย่างไร ทางลงสำหรับหล่อนมีเพียงพิการกับตายเท่านั้น
“นายหญิง ได้โปรด…” สาวใช้คร่ำครวญ หมอบกราบครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นหนแรกในชีวิตสิบเจ็ดปีที่ตัดสินใจยกนายหญิงผู้โหดร้ายขึ้นเทิดทูนเหนือองค์เทพราที่ตนเคารพนับถือ
ในที่แห่งนี้ไม่มีความเมตตาจากเทพหรือเทพีองค์ใดจะมีค่าเท่าความเมตตาเสี้ยวเล็กๆ จากจิตใจอันดำมืดของคีห์โอนีอีกแล้ว
“ได้ ได้…”
คำพูดนั้นจากปากนายหญิงทำเอาสาวใช้ผู้แพ้พนันและอื่นๆ โดยรอบถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู ยกเว้นเพียงข้ารับใช้หญิงชราคนสนิทที่ยังคงไว้ซึ่งสีหน้าราบเรียบและใช้หวีไม้แปรงสางปลายผมสีดำขลับของผู้เป็นนายต่อไปด้วยความทะนุถนอมเหมือนมันเป็นเส้นไหมล้ำค่า
สาวใช้ผู้พ่ายแพ้น้อมตัวลงจนหน้าผากแนบชิดพื้น พร่ำขอบคุณนายหญิงซ้ำๆ ที่อุตส่าห์กรุณา แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเย็นยะเยือกและชวนให้เหงื่อไคลหยดย้อย บรรยากาศขัดแย้งที่น่ากลัวเหลือจะกล่าว
เมื่อหล่อนเงยหน้าขึ้น ความซาบซึ้งก่อนหน้านี้ที่มีมลายหายไปจนเกลี้ยง ต้นเหตุของบรรยากาศขัดแย้งคือนัยน์ตาสีอำพันคู่คมที่กำลังวาวโรจน์ กริชถูกดึงออกจากฝัก คำสั่งไร้เสียงสลักบนใบหน้าของสตรีชั้นสูงเชื้อสายอียิปต์ชัดเจน และด้วยการประกาศคำสั่งนั้น สาวใช้สามคนจึงรีบลุกขึ้นปรี่เข้าไปหาผู้เสียพนัน ฉุดกระชากจับตรึงแขนขวาหล่อนพาดไว้บนโต๊ะปิดทอง
“เจ้าไม่อยากเสียแค่กระดูกนิ้ว… ย่อมได้” คีห์โอนีบอก น้ำเสียงปะเหลาะอ่อนโยน แต่ไม่มีใครในที่นี้ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ มันเป็นเสียงที่นางมักจะเลือกใช้เพื่อแสดงความสังเวชต่อผู้อ่อนแอด้อยค่า
สาวใช้รู้ และกรีดร้องทั้งน้ำตา ไม่ยินหรือฟังเสียงใดๆ รอบตัวอีก
กริชในมือนายหญิงเงื้อขึ้นช้าๆ “เช่นนั้นก็เสียกระดูกแขนทั้งสองให้ข้าแท–”
“นายหญิง~!”
ก่อนที่จะได้พูดจบประโยคหรือก่อนกริชคมจะฝังเข้าเนื้อเข้ากระดูก เสียงทุ้มเข้มของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นขัดแถมดังมาตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวเจ้าของเสียงด้วยซ้ำ แม้เป็นเช่นนั้นคีห์โอนีก็รู้ได้ในทันทีว่าใครเป็นคนเรียก นางกลอกตา โยนกริชทิ้งลงพื้นเพราะเสียอารมณ์
“นายหญิง~~!”
เสียงนั้นยังคงเรียกต่อไป ข้ารับใช้หญิงชราคนสนิทคลานเข่าไปเก็บกริชขึ้นจากพื้น เช็ดให้สะอาดแล้วใส่ลงในฝักตามเดิม สาวใช้ผู้เสียพนันถูกปล่อยตัว หล่อนหมอบตัวต่ำร้องไห้เสียสติพร้อมโอบและกอดแขนตัวเองแน่นเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงมีมันครบข้างอยู่
“นายหญิง!”
ในที่สุดเจ้าของเสียงเรียกก็มาถึงลานพักผ่อนพร้อมผีเสื้อเปลวไฟกระพือปีกบินตามเข้ามาด้วยสองตัว สะเก็ดไฟเล็กๆ ร่อนหลุดออกทุกครั้งที่พวกมันขยับปีก ชายร่างสูงใหญ่เดินท่อมๆ ตัดผ่านกลุ่มข้าทาสรับใช้ซึ่งค้อมศีรษะต้อนรับพร้อมเพียง เขาฉีกยิ้มอวดเขี้ยวแหลมสองซี่ใส่คีห์โอนีที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเมินหน้าใส่เขาอยู่บนตั่ง ก่อนจะเริ่มสังเกตเห็นสถานการณ์โดยรอบ
หลังประเมินอยู่หลายอึดใจ เขาก็ทำตัวพอง
“คีห์! ท่านเอาอีกแล้วหรือ”
เขาถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ ข้าทาสคนอื่นๆ เย็นสันหลังแทนเพราะรู้ว่าการกล้าตำหนินายหญิงของวิหารคือการกำเริบเสิบสาน และมันผู้กล้าเหล่านั้นล้วนจบลงด้วยความทรมานก่อนตายเป็นตัวอย่างมาหลายรายแล้ว
ทว่าไม่ใช่กับชายร่างใหญ่คนนี้
นอกจากจะกำเริบกล้าตำหนินายหญิง กล้ากระแทกเสียงใส่ กล้าเรียกชื่อนางเพียงสั้นๆ เขายังกล้าเดินเข้าไปหานางถึงตั่งนอนโดยไม่คลานเข่า ไม่ค้อมศีรษะ ไม่แสดงความยำเกรงใดๆ อีกทั้งยังกล้าเบียดตัวหนาๆ ขึ้นไปนั่งแย่งที่ทางสำหรับเหยียดแข้งเหยียดขาของนางอีกต่างหาก
“หยุดผลาญเลือดผลาญเนื้อพวกทาสเสียที ทำอย่างกับการหาคนทำงานดีมารองมือรองเท้าท่านมันหาได้ง่ายนัก” ชายผู้มาใหม่บ่นพร้อมใบหน้ายับยุ่ง แต่คนถูกบ่นมีใบหน้าที่ยับยุ่งยิ่งกว่า
คีห์โอนีส่งเสียงฮึดฮัดในคอแล้วเมินผ่าน นางสะบัดมือเป็นสัญญาณให้สาวใช้ด้านหลังเร่งฝีพัดขนนกกระจอกขึ้นอีก ข้ารับใช้หญิงชราคนสนิทยังเป็นผู้เดียวที่รู้ใจนางที่สุด ตอนนี้จึงกำลังป้อนอินทผลัมแห้งคว้านเม็ดด้านในใส่ปากนางเพื่อเอาใจและสงบพายุกรุ่นๆ
ชายมาใหม่หงุดหงิดที่นายหญิงไม่ฟังเขาอีกทั้งยังจงใจเมิน จึงเอื้อมมือไปบีบปากนาง คว้านล้วงแย่งอินทผลัมแห้งมากินเอง การกระทำนั้นทำให้เขาเกือบลงไปกลิ้งกับพื้นหากมือไวไม่พอจะตะปบหยุดเท้านายหญิงเอาไว้
“ข้าเกือบโดนเข้าให้แล้ว” เขาพรูลมหายใจ เคี้ยวอินทผลัมแห้งหยับๆ พร้อมปล่อยมือออก
คีห์โอนีชักเท้ากลับมา แต่มีสัมผัสแปลกใหม่ค้างอยู่ที่ข้อเท้า
“อะไร” นางกระชากเสียงถาม
“สร้อยทับทิม” ชายหนุ่มตอบ รอยยิ้มกลับมาบนใบหน้า เขาดูภูมิใจใหญ่เมื่อนายหญิงขยับตัวขึ้นนั่งแล้วถอดสร้อยทับทิมเม็ดเป้งตรงข้อเท้าไปชมใกล้ๆ
แต่แล้วรอยยิ้มก็หายไปพร้อมสัมผัสของทับทิมกระแทกโดนตรงโหนกแก้ม
“เลิกเอาของไร้ราคาพวกนี้เข้ามาในวิหารข้าเสียที!”
เขาลูบแก้มป้อยๆ มองสร้อยทับทิมในมือตัวเองแล้วเถียงฟ่อ “แต่ข้าว่ามันมีราคานี่!”
คีห์โอนีถลึงตาใส่อย่างรำคาญ “เป็นขโมยมาตั้งกี่ร้อยปียังแยกแยะทับทิมแท้ ทับทิมเทียมไม่ออกรึ เช่นนั้นก็เลิกขโมยเสียเลยดีกว่า”
ชายหนุ่มเอียงคอ ชูสร้อยทับทิมขึ้นสูงแล้วใช้มืออีกข้างตบๆ ให้มันแกว่งเล่นแสงไฟจากคบเพลิง “นี่ทับทิมแท้”
“เลิกขโมยซะ”
“ช่างโหดร้ายจริง เหมือนท่านห้ามไม่ให้ข้าหายใจเลย!”
“ให้เจ้าเลิกขโมยก็เหมือนให้ข้าเลิกผลาญเลือดเนื้อข้ารับใช้” นางสวนจนฝ่ายตรงข้ามสะอึก “ถ้าสำนึกแล้วก็ไปเอาดาบงอของยามมาให้ข้าซะ”
เขาปล่อยสร้อยทับทิมพร้อมใบหน้าที่เริ่มงอแข่งกับดาบที่นายหญิงต้องประสงค์ เสียงหวีดโหยหวนของสาวรับใช้ดังอยู่เบื้องหลัง
“ได้! ได้นายหญิง งวดนี้ท่านชนะ!”
“ข้าชนะทุกงวดนั่นละ”
SCARLETTY